มะม่วงมหาชนก

มะม่วงมหาชนก

         หน้าร้อนนี้นึกถึงอะไรกันบ้าง? หลายคนคงนึกถึง ภูเขา น้ำตกทะเล กินลมชมวิว แต่ถ้าเรื่องของกินต้องนึก ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวมูนนุ่มๆ ความหวานของมะม่วง ตัดด้วยความเค็มของกะทิ  อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ

 แหล่งที่มาของภาพ : เว็บhello2day

เดี๋ยวกินข้าวเหนียวมะม่วงกันแล้ว จะพาไปรู้จักเรื่องราวอันน่าสนใจ และน่าติดตามของพระมหาชนก...

 แหล่งที่มาของภาพ : เว็บไทยรัฐ


ทศชาติชาดก

 เรื่องมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 14

 แหล่งที่มาของภาพ : ทศชาติชาดก เรื่องพระมหาชนก
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อคนเฝ้าอุทยานได้นำผลไม้น้อยใหญ่ต่างๆ ที่มีโอชารส และดอกไม้นานาพรรณมาถวาย พระมหาชนกทอดพระเนตรแล้ว ก็ทรงชื่นชมนายอุทยาน และทรงปรารภว่า อยากจะเสด็จประพาสอุทยาน เพื่อทรงเยี่ยมชมผลไม้และดอกไม้ที่นายอุทยานได้เพาะปลูกไว้
นายอุทยานได้สดับแล้ว ก็รู้สึกหัวใจพองโต ดีใจว่า “โอ พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปเยี่ยมชมสวนผลไม้และดอกไม้ของเราแล้ว” จึงรีบกลับไปตกแต่งราชอุทยานให้เป็นประดุจอุทยานสวรรค์
เมื่อถึงเวลา พระมหาชนกก็ทรงประทับบนมงคลหัตถี ได้เสด็จออกจากพระนครพร้อมด้วยข้าราชบริพารเป็นจำนวนมาก
 แหล่งที่มาของภาพ : ทศชาติชาดก เรื่องพระมหาชนก
เนื่องจากที่ใกล้ประตูพระราชอุทยานนั้น มีต้นมะม่วงสองต้นมีใบเขียวชอุ่ม ต้นหนึ่งไม่มีผล ต้นหนึ่งมีผลดกมีกลิ่นหอมรสหวานเป็นที่รู้จักของทุกคน แต่ยังไม่มีใครกล้าปลิดหรือสอยลงมากิน เพราะต้องรอให้พระราชาได้เสวยเสียก่อน จึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรส
พระราชาประทับบนช้างทรงตามลำพัง ทรงเก็บเอามะม่วงผลหนึ่งมาเสวย พอสัมผัสปลายพระชิวหาของพระองค์ ก็เป็นประดุจโอชาทิพย์ จึงดำริที่จะกลับมาเก็บเสวยอีก แต่ก็จำต้องเสด็จเข้าสู่พระราชอุทยานเสียก่อน

 แหล่งที่มาของภาพ : ทศชาติชาดก เรื่องพระมหาชนก
คนอื่นๆ มีมหาอุปราชเป็นต้น จนถึงคนดูแลช้าง ดูแลม้า รู้ว่าพระราชาเสวยผลมีรสเลิศแล้ว ก็เก็บเอาผลมะม่วงมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ฝ่ายราชบริวารที่ตามมาภายหลัง ก็พากันสอยมะม่วงนั้นตามความพอใจ กระทั่งได้ปีนขึ้นไปบนต้นหักรานกิ่งเพื่อเก็บเอาผลมะม่วง ทำต้นมะม่วงนั้นเสียหาย
แต่มะม่วงอีกต้นหนึ่งซึ่งไม่มีผล กลับยืนต้นตระหง่านดูงดงามอยู่เหมือนเดิม

 แหล่งที่มาของภาพ : ทศชาติชาดก เรื่องพระมหาชนก
เมื่อพระราชาเสด็จชมราชอุทยานจนพอพระหฤทัยแล้ว ก็เสด็จกลับออกมา เพื่อจะเสวยผลมะม่วงต้นเดิมอีก ครั้นทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงถูกหักกิ่งรานใบย่อยยับลงเช่นนั้น จึงเกิดความฉงนพระหฤทัย ตรัสถามเหล่าอำมาตย์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ครั้นได้สดับเหตุที่ชัดเจนแล้ว ก็ไม่ได้พิโรธหรือรับสั่งหาคนที่ทำลายต้นมะม่วงเพื่อลงโทษแต่อย่างใด กลับเกิดความสลดสังเวชว่า “มะม่วงอีกต้นยังคงความสดเขียวเหมือนเดิม ไม่มีใครมารุกราน เพราะไม่มีผล แต่ต้นนี้ถูกหักกิ่งรานใบ เพราะอาศัยผลเป็นเหตุ แม้ราชสมบัตินี้ก็เช่นกับต้นไม้มีผล ส่วนบรรพชาเป็นเช่นกับต้นไม้ที่ไร้ผล ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของใคร ภัยย่อมมีแก่ผู้มีความกังวล แต่ไม่มีแก่ผู้ไม่มีความกังวล ตัวเรานี่แหละ จะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ไร้ผล เราจักสละราชสมบัติออกบวช”
ครั้นทรงพิจารณาธรรมเห็นความแตกต่างกันระหว่างต้นมะม่วงที่มีผลดก และต้นมะม่วงที่ไม่มีผลแล้ว ก็ทรงอธิษฐานจิตมั่นในอันที่จะทรงออกผนวช ได้เสด็จกลับเข้าสู่พระนคร


      เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ธรรมดาของผู้มีบุญมาก เมื่อเห็นความเป็นไปของต้นมะม่วงแล้วก็สามารถสอนตัวเองได้ว่า การเป็นพระราชามีสมบัติมากมายนั้นเป็นภาระเปรียบดังต้นมะม่วงที่มีผลมาก แต่การออกจากเรือนเป็นนักบวช ไม่ต้องครอบครองทรัพย์สินอันใด ดังเช่นมะม่วงที่ไร้ผล เป็นชีวิตที่มีอิสระอย่างแท้จริงและยังเป็นหนทางไปสู่การหลุดพ้น มีอิสรภาพที่แท้จริง นั่นคือการบรรลุมรรคผลนิพพานได้อีกด้วย













7 ความคิดเห็น:

  1. ภาพสวยงามสื่อความได้ชัดเจนมาก สาธุ

    ตอบลบ
  2. ตัวอักษรเล็กจังค่ะ

    ตอบลบ
  3. เป็นเรื่องที่น่าติดตามน่าอ่าน ภาพก็สวยสมกับเรื่อง ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุค่ะ

    ตอบลบ
  4. กราบอนุโมทนาบุญครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ4 พฤษภาคม 2561 เวลา 23:20

    สาธุ อนุโมทนาบุญกับเรื่องราวดีๆเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  6. กราบอนุโมทนากับเรื่องราวของ มะม่วงมหาชนก ด้วยค่ะ เป็นการนำเสนอธรรมะแนวใหม่ที่โยงเข้ากับปัจจุปันได้ดีมากๆ ดึงความสนใจได้มากขึ้นกว่าเดิม อนุโมทนาสาธุกับผู้เขียนบทความด้วยค่ะ สุดยอดมาก

    ตอบลบ